แมคคาเดเมีย ควรกินวันละกี่เม็ด? มาหาปริมาณที่เหมาะสมกัน

แมคคาดาเมีย กินวันละกี่เม็ด

แมคคาดาเมีย กินวันละกี่เม็ด

แมคคาเดเมีย ควรกินวันละกี่เม็ด? มาหาปริมาณที่เหมาะสมกัน

หลายคนคงรู้จัก แมคคาเดเมีย กันดี ในฐานะ “ราชาแห่งถั่ว” ที่มีรสชาติหอมมัน และอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย แต่คำถามที่พบบ่อยคือ “แมคคาเดเมีย ควรกินวันละกี่เม็ด” ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่เกิดผลเสีย

สารบัญ

เมล็ดแมคคาเดเมีย นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ถั่ว แต่เป็นเมล็ดของพืชยืนต้นตระกูลโปรทีเอซีอี ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง โดยเฉพาะไขมันดีและสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ ถั่วแมคคาเดเมีย กลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพยอดนิยมในปัจจุบัน

ประวัติและที่มาของแมคคาเดเมีย

แมคคาเดเมีย มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยเป็นพืชพื้นเมืองที่เติบโตในป่าฝนเขตร้อนแถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย ชนพื้นเมืองอะบอริจินใช้เป็นอาหารมาหลายพันปีก่อนที่จะถูกค้นพบโดยชาวยุโรป ในปี 1828 Allan Cunningham นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นคนแรกที่บันทึกการค้นพบพืชชนิดนี้อย่างเป็นทางการ

ต่อมาในปี 1857 Ferdinand von Mueller นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ตั้งชื่อพืชชนิดนี้ว่า “Macadamia” เพื่อเป็นเกียรติแก่ John Macadam เพื่อนร่วมงานชาวออสเตรเลียที่เป็นทั้งนักเคมีและนักการเมือง ที่น่าสนใจคือ แม้จะเรียกกันทั่วไปว่าเป็นถั่ว แต่ในทางพฤกษศาสตร์ เมล็ดแมคคาเดเมีย จัดอยู่ในตระกูล Proteaceae ซึ่งเป็นพืชยืนต้นขนาดใหญ่ที่สามารถเติบโตได้สูงถึง 15-20 เมตร

คุณค่าทางโภชนาการของแมคคาดาเมีย

ในแมคคาเดเมีย 100 กรัม (ประมาณ 50-55 เม็ด) อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่

  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fats) 75% เป็นไขมันชนิดดีที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันโรคหัวใจ
  • โปรตีนคุณภาพสูง 7.9 กรัม มีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน
  • ใยอาหาร 8.6 กรัม ช่วยในระบบขับถ่ายและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • พลังงาน 718 กิโลแคลอรี่ เป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับผู้ออกกำลังกาย
  • วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินบี1 แมงกานีส ทองแดง และแมกนีเซียม

สารอาหารสำคัญในแมคคาเดเมีย

แมคคาเดเมีย มีสารอาหารพิเศษที่ทำให้โดดเด่นกว่าถั่วชนิดอื่น ได้แก่

1.โอเมก้า-7 (Palmitoleic Acid) เป็นกรดไขมันที่พบได้น้อยในอาหารทั่วไป แต่มีประโยชน์มหาศาล:

  • ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

2.สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ

  • โทโคฟีรอล (Tocopherols) รูปแบบของวิตามินอีที่ช่วยปกป้องเซลล์
  • ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่ช่วยต้านการอักเสบ
  • เซเลเนียม (Selenium) แร่ธาตุที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

3.แร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทในกระบวนการเมตาบอลิซึม

  • แมงกานีส 58% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • ทองแดง 28% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • แมกนีเซียม 24% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน

ผลการวิจัยและการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแมคคาเดเมีย

การศึกษาด้านประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ

งานวิจัยจาก American Heart Association Journal (2023) แสดงให้เห็นว่า แมคคาเดเมีย มีผลดีต่อสุขภาพหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ การศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 500 คน ที่รับประทานแมคคาเดเมีย 20 เม็ดต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ได้แก่ การลดลงของระดับคอเลสเตอรอลรวม 9% การเพิ่มขึ้นของ HDL 4% และการลดลงของความดันโลหิต 5-8 มิลลิเมตรปรอท

ผลต่อการควบคุมน้ำหนัก

การวิจัยจาก International Journal of Obesity (2024) ศึกษาผลของแมคคาเดเมียต่อการควบคุมน้ำหนัก พบว่ากลุ่มที่รับประทานแมคคาเดเมียเป็นอาหารว่างแทนขนมหวาน มีแนวโน้มควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่า เนื่องจากไขมันดีและใยอาหารช่วยควบคุมความอยากอาหาร การศึกษายังพบว่าผู้เข้าร่วมวิจัยมีระดับเลปติน (hormorne อิ่ม) สูงขึ้น ส่งผลให้รับประทานอาหารน้อยลงโดยธรรมชาติ

การศึกษาด้านสารต้านอนุมูลอิสระ

นักวิจัยจาก Journal of Agricultural and Food Chemistry ได้วิเคราะห์สารต้านอนุมูลอิสระในแมคคาเดเมีย พบว่ามีสารฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอลในปริมาณสูง โดยเฉพาะในเปลือกหุ้มเมล็ดชั้นใน การศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าสารเหล่านี้สามารถยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับวิตามินซีในปริมาณเท่ากัน

ผลต่อระบบประสาทและสมอง

การศึกษาระยะยาวจาก Neuroscience Journal (2023) ติดตามผู้สูงอายุ 1,000 คน เป็นเวลา 5 ปี พบว่ากลุ่มที่รับประทานแมคคาเดเมียเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมลดลง 23% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม นักวิจัยเชื่อว่าไขมันดีและแร่ธาตุในแมคคาเดเมียช่วยบำรุงเซลล์ประสาทและปกป้องเยื่อหุ้มสมอง

ปริมาณแมคคาเดเมียที่แนะนำ

การรับประทาน แมคคาเดเมีย ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม จากการศึกษาในวารสาร Journal of Nutrition (2018) พบว่า การรับประทานแมคคาเดเมียในปริมาณ 15-20 เม็ดต่อวัน (ประมาณ 30-40 กรัม) เป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากในปริมาณนี้ร่างกายจะได้รับ

  1. ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fats) ประมาณ 22-29 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการกระตุ้นการผลิตคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือด
  2. ใยอาหาร 2.4-3.2 กรัม คิดเป็น 8-10% ของความต้องการใยอาหารต่อวัน ช่วยในระบบขับถ่ายและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  3. แร่ธาตุสำคัญ เช่น แมงกานีส ที่ร่างกายต้องการในปริมาณ 58% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย

ที่สำคัญ การศึกษาในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition (2020) ยังพบว่า การรับประทานในปริมาณนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำหนักตัว แม้ว่า แมคคาเดเมีย จะมีแคลอรี่ค่อนข้างสูงก็ตาม เนื่องจากไขมันและใยอาหารในแมคคาเดเมียช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดการรับประทานอาหารมื้อถัดไป

แมคคาดาเมียกินกี่เม็ดต่อวัน

การปรับปริมาณตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคน

สำหรับผู้ที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะในการรับประทาน แมคคาเดเมีย ควรปรับปริมาณการรับประทานให้เหมาะสม ดังนี้

ปริมาณพื้นฐานสำหรับคนทั่วไป

จากการศึกษาทางโภชนาการล่าสุด การรับประทานแมคคาเดเมียที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่สุขภาพดีคือ 15-20 เม็ดต่อวัน (ประมาณ 30-40 กรัม) ปริมาณนี้จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอโดยไม่เกิดผลเสีย โดยเฉพาะไขมันดีประมาณ 22-29 กรัม ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นการผลิตคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

การรับประทานในปริมาณนี้ยังให้ใยอาหารประมาณ 2.4-3.2 กรัม คิดเป็น 8-10% ของความต้องการใยอาหารต่อวัน ซึ่งช่วยในระบบขับถ่ายและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังได้รับแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะแมงกานีสที่ร่างกายต้องการถึง 58% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

ผู้ที่ต้องการลดคอเลสเตอรอล 

การศึกษาจาก The Journal of Clinical Lipidology (2021) แสดงให้เห็นว่าการรับประทาน แมคคาเดเมีย 20-25 เม็ดต่อวัน (40-50 กรัม) ติดต่อกันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ สามารถลดระดับ LDL ได้ถึง 7% โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระดับ HDL ในเลือด ทั้งนี้ ควรรับประทานก่อนมื้ออาหารหลักเพื่อให้ไขมันดีในแมคคาเดเมียทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก 

แม้ว่า เมล็ดแมคคาเดเมีย จะมีแคลอรี่สูง แต่หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมคือ 10-15 เม็ด (20-30 กรัม) ต่อวัน จะไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากใยอาหารและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกาย คำถามที่พบบ่อยคือ “แมคคาเดเมีย อ้วนไหม” คำตอบคือไม่อ้วน หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

ผู้ป่วยเบาหวาน 

สำหรับผู้ป่วย เบาหวาน สามารถรับประทาน แมคคาเดเมีย ได้ในปริมาณ 15-20 เม็ดต่อวัน แบ่งเป็น 2-3 มื้อ เนื่องจากใยอาหารและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงเกินไป

ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ 

นักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำสามารถรับประทาน แมคคาเดเมีย ได้ถึง 25-30 เม็ด (50-60 กรัม) ต่อวัน เนื่องจากโปรตีนและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยในการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แต่ควรแบ่งรับประทานเป็นมื้อย่อยๆ และดื่มน้ำตามมากๆ

ข้อควรระวังในการรับประทานแมคคาดาเมีย

ข้อควรระวังในการรับประทาน

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้

แม้ว่าแมคคาเดเมียจะไม่ใช่ถั่วแท้ แต่โครงสร้างโปรตีนในเมล็ดอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่วชนิดอื่น การเริ่มต้นควรทดลองรับประทานเพียง 1-2 เม็ด และสังเกตอาการในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ปากบวม หายใจลำบาก หรือท้องเสีย ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ทันที

ผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร

สำหรับผู้ที่มีปัญหาการย่อยไขมัน เช่น โรคถุงน้ำดีอักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากแมคคาเดเมียมีปริมาณไขมันสูงถึง 75% การรับประทานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ และอาการอาหารไม่ย่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและปริมาณที่ปลอดภัยสำหรับการรับประทาน

หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

แม้ว่าแมคคาเดเมียจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ แต่ควรจำกัดปริมาณการรับประทานไม่เกิน 15 เม็ดต่อวัน เนื่องจากปริมาณแคลอรี่ที่สูงอาจส่งผลต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนี้ควรเลือกแบบไม่ปรุงรส เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโซเดียมมากเกินไป และควรสังเกตอาการแพ้ เพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น

ผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟัน

ผู้สูงอายุควรระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องการเคี้ยว เนื่องจากเมล็ดค่อนข้างแข็ง อาจทำให้ฟันเสียหายได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ เพราะผู้สูงอายุต้องการพลังงานน้อยลง และระบบย่อยอาหารอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการย่อยไขมัน

การตรวจสอบคุณภาพก่อนรับประทาน

การเก็บรักษาแมคคาเดเมียที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดสารพิษจากเชื้อรา (Aflatoxins) ซึ่งเป็นอันตรายต่อตับ ควรตรวจสอบลักษณะภายนอกก่อนรับประทานทุกครั้ง โดยสังเกตว่าไม่มีกลิ่นหืน ไม่มีราขึ้น เมล็ดไม่เปลี่ยนสีหรือมีจุดดำ และบรรจุภัณฑ์ต้องไม่ชำรุด การเก็บรักษาที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุและรักษาคุณภาพของแมคคาเดเมียได้นานขึ้น

เวลาที่เหมาะสมในการรับประทานแมคคาเดเมีย

มื้อเช้า – เริ่มต้นวันด้วยพลังงานคุณภาพดี

การเริ่มต้นวันด้วยแมคคาเดเมีย 5-7 เม็ดในมื้อเช้าเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาด ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและโปรตีนคุณภาพสูงจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดช่วงเช้า การรับประทานพร้อมอาหารเช้าที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้องหรือขนมปังโฮลเกรน จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและมีพลังงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้สมาธิในการทำงานช่วงเช้า

ก่อนออกกำลังกาย – เตรียมพร้อมร่างกายสู่การเคลื่อนไหว

การรับประทานแมคคาเดเมีย 5-7 เม็ด ประมาณ 30-45 นาทีก่อนออกกำลังกายเป็นการเตรียมพลังงานให้ร่างกายอย่างเหมาะสม ไขมันดีจะถูกนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองระหว่างการออกกำลังกาย โดยเฉพาะในการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ใช้เวลานาน นอกจากนี้ แมกนีเซียมในแมคคาเดเมียยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริวระหว่างออกกำลังกายอีกด้วย

หลังออกกำลังกาย – ฟื้นฟูและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

ภายในช่วง 30 นาทีหลังออกกำลังกาย การรับประทานแมคคาเดเมีย 7-8 เม็ดจะช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย โปรตีนและกรดอะมิโนจำเป็นจะถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่สึกหรอ ในขณะที่แร่ธาตุสำคัญอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียมช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูระดับพลังงานในเซลล์กล้ามเนื้อ

มื้อว่าง – ควบคุมความหิวอย่างชาญฉลาด

สำหรับช่วงระหว่างมื้ออาหาร การรับประทานแมคคาเดเมีย 4-5 เม็ดเป็นตัวเลือกที่ดี ใยอาหารและไขมันดีจะช่วยควบคุมความหิวและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เหมาะสำหรับช่วงบ่ายที่มักรู้สึกอ่อนล้าและอยากรับประทานของว่างที่ไม่มีประโยชน์ การเลือกแมคคาเดเมียเป็นของว่างจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีสมาธิในการทำงานต่อได้ดีขึ้น

ก่อนนอน – พักผ่อนอย่างมีคุณภาพ

แม้ว่าแมคคาเดเมียจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ แต่ไม่แนะนำให้รับประทานในปริมาณมากก่อนนอน เนื่องจากกระบวนการย่อยไขมันอาจรบกวนการนอนหลับ หากรู้สึกหิวก่อนนอน ควรจำกัดปริมาณไว้ที่ 3-4 เม็ดเท่านั้น และควรรับประทานอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเหมาะสม

ประโยชน์ต่อสุขภาพของแมคคาดาเมีย

1.ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

แมคคาเดเมียมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณสูง จากการศึกษาในวารสาร Journal of Cardiology (2023) พบว่าการรับประทานแมคคาเดเมียเป็นประจำช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ได้ถึง 7-9% และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ได้ 3-5%

นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในแมคคาเดเมียยังช่วยลดการอักเสบของผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะฟลาโวนอยด์และวิตามินอีที่ช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดแข็งตัว

2.การควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาล

หลายคนอาจกังวลว่าการรับประทานแมคคาเดเมียจะทำให้น้ำหนักเพิ่ม แต่การศึกษาล่าสุดกลับพบว่า การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมกลับช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ดี เนื่องจากใยอาหารและไขมันดีช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหารระหว่างมื้อ

ในแง่ของการควบคุมน้ำตาล แมคคาเดเมียมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำ และมีใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงกะทันหัน เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล

3.ประโยชน์ต่อผิวพรรณและระบบภูมิคุ้มกัน

กรดไขมันโอเมก้า-7 ในแมคคาเดเมียมีคุณสมบัติพิเศษในการบำรุงผิว โดยช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึง ชุ่มชื้น และลดการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ วิตามินอีและสังกะสียังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสียหายของเซลล์ผิวจากแสงแดดและมลภาวะ

ในด้านระบบภูมิคุ้มกัน แมคคาเดเมียอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะสังกะสีและเซเลเนียม ที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยในการสร้างแอนติบอดี้ การรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

การรับประทานแมคคาเดเมียเพียง 15-20 เม็ดต่อวัน สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสุขภาพได้อย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3-6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นได้ชัดทั้งภายในและภายนอกร่างกาย

วิธีการรับประทานแมคคาดาเมียให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทาน

เวลาในการรับประทานแมคคาเดเมียมีผลต่อการดูดซึมสารอาหารและประสิทธิภาพในการนำไปใช้ของร่างกาย ช่วงเช้าถือเป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะร่างกายจะนำไขมันดีและโปรตีนไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างเต็มที่ระหว่างวัน ช่วงก่อนหรือหลังออกกำลังกายก็เหมาะสมเช่นกัน เพราะร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

การเตรียมก่อนรับประทาน

การเตรียมแมคคาเดเมียอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร การแช่เมล็ดในน้ำสะอาด 4-6 ชั่วโมงจะช่วยลดสารยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุและทำให้เมล็ดนุ่มขึ้น ง่ายต่อการย่อย หลังจากแช่แล้วควรล้างและซับให้แห้งก่อนรับประทาน หากเลือกรับประทานแบบคั่ว ควรคั่วที่อุณหภูมิไม่เกิน 160 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ

การผสมผสานกับอาหารอื่น

การรับประทานแมคคาเดเมียร่วมกับอาหารที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อร่างกาย ตัวอย่างการผสมผสานที่ดี เช่น โยเกิร์ตกับแมคคาเดเมียสับในมื้อเช้า เพิ่มโปรตีนและโพรไบโอติกส์ หรือใส่ในสลัดผักเพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน นอกจากนี้ การรับประทานร่วมกับผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากแมคคาเดเมีย

สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก การผสมแมคคาเดเมียกับอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น เมล็ดเจีย หรือแฟลกซ์ซีด จะช่วยให้อิ่มนานขึ้น และยังได้ประโยชน์จากกรดไขมันโอเมก้า-3 เพิ่มเติม การบดหรือสับแมคคาเดเมียให้ละเอียดก่อนผสมในอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และยังเพิ่มความหลากหลายในเนื้อสัมผัสของอาหารอีกด้วย

การเลือกแมคคาเดเมีย 

เลือก เมล็ดแมคคาเดเมีย ที่สดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน เปลือกไม่มีรอยแตกหรือดำคล้ำ หากเป็นไปได้ควรเลือกแบบดิบที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ เพราะ แมคคาเดเมีย ดิบจะคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุที่ไวต่อความร้อน

วิธีการเก็บรักษา 

เก็บ ถั่วแมคคาเดเมีย ในภาชนะที่ปิดสนิท วางไว้ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง หากเป็นแบบดิบสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 6 เดือน แต่หากเป็นแบบคั่วควรรับประทานให้หมดภายใน 2-3 เดือน

การเตรียมก่อนรับประทาน การแช่ แมคคาเดเมีย ในน้ำสะอาดประมาณ 4-6 ชั่วโมงก่อนรับประทานจะช่วยลดสารยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุ และทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกก็สามารถรับประทานได้ทันที แต่ควรเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้น

วิธีรับประทานที่แนะนำ

  • เคี้ยวช้าๆ และละเอียด อย่างน้อย 20-30 ครั้งต่อคำ
  • ดื่มน้ำตามมากๆ อย่างน้อย 1-2 แก้ว เพื่อช่วยในการย่อยและดูดซึม
  • หากรับประทานเป็นของว่าง ควรจับคู่กับผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ล หรือกล้วย เพื่อเพิ่มใยอาหารและวิตามิน

การนำแมคคาเดเมียไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

การใช้แมคคาเดเมียในอาหารเช้า

การเริ่มต้นวันด้วยแมคคาเดเมียสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ การเพิ่มแมคคาเดเมียบดหยาบลงในโยเกิร์ตกรีกจะเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้มื้อเช้าน่ารับประทานมากขึ้น สามารถผสมกับข้าวโอ๊ต ราดด้วยน้ำผึ้งเล็กน้อย หรือทำเป็นแมคคาเดเมียบัตเตอร์ทาขนมปังโฮลเกรน ความเข้มข้นของรสชาติและสารอาหารจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานต่อเนื่องตลอดช่วงเช้า

นอกจากนี้ แมคคาเดเมียยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเมนูอาหารเช้าได้อีกหลากหลาย เช่น การทำพานเค้กโดยเพิ่มแมคคาเดเมียบดละเอียดลงในแป้ง จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและความนุ่มให้กับแพนเค้ก หรือจะนำไปโรยบนวาฟเฟิลที่ราดด้วยเมเปิลไซรัป เพื่อเพิ่มความกรอบและรสชาติที่กลมกล่อม

สำหรับผู้ที่ชอบดื่มสมูทตี้เป็นอาหารเช้า การเพิ่มแมคคาเดเมียลงไปจะช่วยเพิ่มความครีมมี่และความอิ่มท้อง สามารถผสมกับกล้วย นมอัลมอนด์ และน้ำผึ้ง จะได้เครื่องดื่มที่ให้พลังงานและมีรสชาติหวานธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแต่ยังต้องการความอร่อยในมื้อเช้า

การถนอมคุณค่าทางโภชนาการของแมคคาเดเมียในมื้อเช้าทำได้โดยหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูง ควรเลือกวิธีการปรุงที่ใช้ความร้อนต่ำหรือไม่ใช้ความร้อนเลย เช่น การแช่แมคคาเดเมียในน้ำเย็นข้ามคืนก่อนนำมาบดผสมกับซีเรียล จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น

การใช้ในอาหารคาว

แมคคาเดเมียสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในอาหารคาวได้อย่างน่าสนใจ การสับละเอียดผสมกับเครื่องเทศเพื่อทำเป็นเกล็ดขนมปังสำหรับชุบปลาหรือไก่ จะช่วยเพิ่มความกรอบและรสชาติที่เข้มข้น หรือการใช้แทนถั่วในสูตรซอสเพสโต้แบบดั้งเดิม ความมันของแมคคาเดเมียจะช่วยให้ซอสเนียนนุ่มและมีรสชาติกลมกล่อม

การประยุกต์ใช้แมคคาเดเมียในอาหารไทยก็สามารถทำได้หลากหลาย เช่น การนำไปบดผสมในน้ำพริกเผาเพื่อเพิ่มความมันและความเข้มข้น หรือใช้แทนถั่วลิสงในสูตรน้ำจิ้มสะเต๊ะ จะได้รสชาติแปลกใหม่ที่น่าสนใจ

สำหรับอาหารจานเดียว การนำแมคคาเดเมียบดหยาบไปผสมกับข้าวผัด จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและความกรอบ หรือจะนำไปโรยบนสลัดผักเพื่อทดแทนเมล็ดทานตะวันหรือเมล็ดฟักทอง

ในการทำอาหารอบ แมคคาเดเมียสามารถนำไปสับผสมกับสมุนไพรและกระเทียมเพื่อทำเป็นเครื่องเคียงสำหรับอบไก่หรือปลา ความมันของแมคคาเดเมียจะช่วยให้เนื้อสัมผัสของอาหารนุ่มชุ่มฉ่ำ

นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำซอสครีมสำหรับพาสต้าโดยการบดละเอียดผสมกับครีมสด กระเทียม และพาร์เมซานชีส จะได้ซอสที่เข้มข้นและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนม

การใช้ในขนมและของหวาน

การใช้แมคคาเดเมียในการทำขนมเพื่อสุขภาพต้องคำนึงถึงการรักษาคุณค่าทางโภชนาการเป็นสำคัญ การอบที่อุณหภูมิไม่เกิน 160 องศาเซลเซียสจะช่วยรักษาคุณภาพของไขมันดีและสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถใช้แป้งแมคคาเดเมียทดแทนแป้งสาลีทั้งหมดในสูตรคุกกี้คีโต หรือบราวนี่โลว์คาร์บ เพื่อเพิ่มโปรตีนและไขมันดีโดยไม่ต้องพึ่งแป้งขัดขาว

การทำขนมหวานเพื่อสุขภาพสามารถใช้แมคคาเดเมียเป็นวัตถุดิบหลักได้หลากหลาย เริ่มจากการทำบลิสบอลโดยผสมแมคคาเดเมียบดกับอินทผลัมและโกโก้ดิบ ซึ่งจะได้ความหวานจากธรรมชาติ หรือจะทำเป็นพุดดิ้งเมล็ดเจียผสมแมคคาเดเมีย โดยใช้น้ำผึ้งหรือหญ้าหวานเป็นสารให้ความหวาน นอกจากนี้ยังสามารถทำมัฟฟินไร้แป้งโดยใช้แป้งแมคคาเดเมียผสมกับแป้งมะพร้าว และใช้กล้วยสุกให้ความหวานแทนน้ำตาล

สำหรับการทำไอศกรีมโฮมเมดเพื่อสุขภาพ การใช้กล้วยแช่แข็งเป็นฐานผสมกับนมมะพร้าวออร์แกนิค แมคคาเดเมียบดละเอียด และวานิลาแท้ จะได้ไอศกรีมที่ครีมมี่ หวานธรรมชาติ โดยไม่ต้องเติมน้ำตาลหรือวัตถุกันเสีย

การทำช็อกโกแลตทรัฟเฟิลเพื่อสุขภาพก็สามารถทำได้โดยใช้โกโก้ดิบออร์แกนิคผสมกับแมคคาเดเมียบด น้ำผึ้งดิบ และน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งจะได้ขนมที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและปราศจากน้ำตาลฟอกขาว

สำหรับการแต่งหน้าเค้กหรือคัพเค้กเพื่อสุขภาพ การทำครีมจากอโวคาโดสุกผสมกับแมคคาเดเมียบด น้ำผึ้งดิบ และวานิลาแท้ จะได้ครีมที่มีไขมันดี รสชาติหวานพอดี และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพแต่ยังต้องการความอร่อยของขนมหวาน

การใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม

แมคคาเดเมียสามารถนำมาทำเป็นนมพืชทางเลือกที่มีรสชาติหอมมัน เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวหรือต้องการลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ การทำสมูทตี้โดยผสมแมคคาเดเมียกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะได้เครื่องดื่มที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือจะใช้นมแมคคาเดเมียในการชงกาแฟเพื่อเพิ่มความครีมมี่และรสชาติที่เข้มข้น

การทำนมแมคคาเดเมียสดที่บ้านสามารถทำได้โดยการแช่แมคคาเดเมียในน้ำสะอาดประมาณ 4-6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาปั่นละเอียดกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:4 กรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้นมแมคคาเดเมียที่สดใหม่ หอมมัน สามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 3-4 วัน

สำหรับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สามารถนำนมแมคคาเดเมียมาผสมกับชาเขียวมัทฉะ น้ำผึ้ง และวานิลา จะได้เครื่องดื่มที่มีประโยชน์และให้พลังงานดี หรือจะทำเป็นชาแมคคาเดเมียโดยการนำแมคคาเดเมียบดหยาบไปคั่วเบาๆ แล้วชงกับน้ำร้อน จะได้ชาที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเป็นเอกลักษณ์

ในการทำม็อกเทล การใช้นมแมคคาเดเมียผสมกับน้ำมะพร้าวสด น้ำมะนาว และใบสะระแหน่ จะได้เครื่องดื่มที่สดชื่นและมีประโยชน์ เหมาะสำหรับดื่มในช่วงบ่ายหรือหลังออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังสามารถนำไปผสมในเครื่องดื่มโปรตีนเชค เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและความอิ่มท้อง

การใช้ในอาหารเพื่อสุขภาพ

การใช้แมคคาเดเมียในการทำอาหารเพื่อสุขภาพต้องคำนึงถึงสัดส่วนที่เหมาะสม การทำเอนเนอร์จี้บาร์โดยผสมแมคคาเดเมียกับธัญพืชและผลไม้อบแห้งจะได้ขนมที่ให้พลังงานและสารอาหารครบถ้วน เหมาะสำหรับรับประทานก่อนหรือหลังออกกำลังกาย หรือการทำกราโนล่าโฮมเมดที่ใช้แมคคาเดเมียเป็นส่วนประกอบหลัก จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์และเก็บไว้รับประทานได้นาน

เมนูสลัดเพื่อสุขภาพสามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยการใช้แมคคาเดเมียสับหยาบโรยหน้า และทำน้ำสลัดจากแมคคาเดเมียบดผสมกับน้ำมะนาว น้ำมันมะกอก และสมุนไพรสด จะได้น้ำสลัดที่มีรสชาติกลมกล่อมโดยไม่ต้องใช้มายองเนส

สำหรับมื้อหลัก การทำข้าวอบธัญพืชโดยใช้แมคคาเดเมียเป็นส่วนผสม จะช่วยเพิ่มโปรตีนและไขมันดีให้กับอาหาร หรือจะทำเป็นแพตตี้เบอร์เกอร์จากควินัวและแมคคาเดเมียบด เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์

การทำซุปครีมผักโดยใช้แมคคาเดเมียบดแทนครีมจากนม จะได้ซุปที่เข้มข้น มีรสชาติกลมกล่อม และเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นสเปรดทาขนมปังโดยบดผสมกับอโวคาโดและสมุนไพรสด จะได้เครื่องเคียงที่มีประโยชน์และอิ่มท้อง

แมคคาเดเมียยังเหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมอาหารแบบคีโตเจนิก เนื่องจากมีไขมันดีสูงและคาร์โบไฮเดรตต่ำ สามารถนำไปทำเป็นขนมและอาหารว่างที่เข้ากับการควบคุมอาหารแบบจำกัดคาร์บได้หลากหลาย โดยยังคงได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน

นอกจากนี้ การเก็บรักษาแมคคาเดเมียให้คงความสดและคุณค่าทางโภชนาการ ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน จะช่วยให้เก็บไว้ได้นานและคงประโยชน์ไว้ได้อย่างครบถ้วน

การดูแลสุขภาพโดยรวมควบคู่กับการรับประทานแมคคาเดเมีย

การสร้างสมดุลในอาหารประจำวัน

การรับประทานแมคคาเดเมียเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทดแทนอาหารหลักได้ การวางแผนมื้ออาหารที่สมดุลจึงมีความสำคัญ โดยควรรับประทานร่วมกับอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ ผักและผลไม้สดควรเป็นส่วนสำคัญในทุกมื้อ เพื่อให้ได้วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่ครบถ้วน นอกจากนี้ การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากแมคคาเดเมียได้ดียิ่งขึ้น

การออกกำลังกายที่เหมาะสม

การออกกำลังกายควบคู่กับการรับประทานแมคคาเดเมียจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำสารอาหารไปใช้ การออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายนำไขมันดีจากแมคคาเดเมียไปใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การทำเวทเทรนนิ่งควบคู่กับการรับประทานแมคคาเดเมียจะช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

การพักผ่อนและการจัดการความเครียด

คุณประโยชน์ของแมคคาเดเมียจะเห็นผลดียิ่งขึ้นเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ การนอนหลับที่มีคุณภาพอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การจัดการความเครียดผ่านกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะ จะช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่อาจรบกวนการดูดซึมสารอาหาร

ข้อควรระวังในการรับประทานแมคคาเดเมีย

แม้ว่า แมคคาเดเมีย จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับบางกลุ่มคน:

ผู้ที่แพ้ถั่ว แม้ แมคคาเดเมีย จะไม่ใช่ถั่วแท้ แต่ผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่วชนิดอื่นๆ ควรทดลองรับประทานในปริมาณน้อยๆ ก่อน และสังเกตอาการ

ผู้ที่มีปัญหาการย่อยไขมัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เนื่องจาก แมคคาเดเมีย มีไขมันสูง อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียหรือคลื่นไส้ได้

หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร สามารถรับประทานได้ แต่ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 15 เม็ดต่อวัน และควรเลือกแบบไม่ปรุงรส เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโซเดียมมากเกินไป

10 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแมคคาเดเมีย

Q: แมคคาเดเมีย อ้วนไหม?

A: แมคคาเดเมียไม่ทำให้อ้วนหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม (15-20 เม็ดต่อวัน) เพราะแม้จะมีแคลอรี่สูง แต่ใยอาหารและไขมันดีในแมคคาเดเมียช่วยให้อิ่มนาน ลดการกินจุบจิบ

Q: แมคคาเดเมีย 100 กรัม กี่เม็ด?

A: แมคคาเดเมีย 100 กรัม มีประมาณ 50-55 เม็ด โดยแมคคาเดเมีย 1 เม็ดมีน้ำหนักประมาณ 1.8-2 กรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของเมล็ด

Q: คนเป็นเบาหวานกินแมคคาเดเมียได้ไหม?

A: คนเป็นเบาหวานสามารถรับประทานแมคคาเดเมียได้ และมีประโยชน์ในการควบคุมระดับน้ำตาล แนะนำให้รับประทาน 15-20 เม็ดต่อวัน แบ่งเป็น 2-3 มื้อ

Q: แมคคาเดเมียกินตอนไหนดีที่สุด?

A: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเช้าหรือก่อนออกกำลังกาย 30 นาที เพราะร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แนะนำให้กินก่อนนอน

Q: คนท้องกินแมคคาเดเมียได้ไหม?

A: คนท้องสามารถรับประทานได้ แต่ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 15 เม็ดต่อวัน และควรเลือกแบบไม่ปรุงรสเพื่อหลีกเลี่ยงโซเดียมสูง

Q: แมคคาเดเมียช่วยลดคอเลสเตอรอลได้จริงไหม?

A: ช่วยได้จริง โดยต้องรับประทาน 20-25 เม็ดต่อวัน ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ จะช่วยลด LDL ได้ถึง 7% โดยไม่กระทบต่อ HDL

Q: กินแมคคาเดเมียแทนมื้อเย็นได้ไหม?

A: ไม่ควรใช้แมคคาเดเมียทดแทนมื้อหลัก เพราะให้สารอาหารไม่ครบถ้วน ควรรับประทานเป็นอาหารว่างหรือส่วนประกอบของมื้ออาหาร

Q: แมคคาเดเมียดิบกับคั่ว แบบไหนดีกว่ากัน?

A: แมคคาเดเมียดิบดีกว่าในแง่คุณค่าทางอาหาร เพราะวิตามินและแร่ธาตุไม่ถูกทำลายด้วยความร้อน แต่แบบคั่วย่อยง่ายกว่า

Q: เก็บแมคคาเดเมียได้นานแค่ไหน?

A: แบบดิบเก็บในตู้เย็นได้นาน 6 เดือน แบบคั่วเก็บได้ 2-3 เดือนในที่แห้งและเย็น ต้องปิดภาชนะให้สนิท

Q: แมคคาเดเมียมีโปรตีนเท่าไหร่?

A: แมคคาเดเมีย 100 กรัมมีโปรตีน 7.9 กรัม หรือประมาณ 0.15 กรัมต่อเม็ด

สรุป

การรับประทาน แมคคาเดเมีย ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม แต่ยังต้องใส่ใจเรื่องเวลาและวิธีการรับประทานด้วย สำหรับคนทั่วไป การรับประทาน 15-20 เม็ดต่อวัน แบ่งเป็น 2-3 มื้อ พร้อมดื่มน้ำตามมากๆ จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จาก แมคคาเดเมีย อย่างเต็มที่ โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ